วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

เลือกใช้คำว่า...เดี๋ยว

   หลายคนเคยคิดอะไรไว้ เคยอยากจะทำอะไร เคยฝัน เคยชอบ เคยรัก เคยอยาก...(แต่ละคนอยากต่้างกันไปมากมาย)  แต่ถ้า เรา เอ่ยคำว่า "เดี๋ยว" เดี๋ยวค่อยทำ เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ เดี๋ยวเดียว เดี๋ยวว่ากัน เดี๋ยวดูก่อน เดี๋ยวดูอีกที  เดี๋ยวนะ ฯ สุดท้ายอะไรทุกอย่างก็จะยังไม่เกิด ทุกอย่างมันก็จะกลายเป็นแค่อนาคต ที่อาจจะไม่มีทางได้ไปถึง

   แต่...ถ้าเราเปลี่ยนเป็นคำว่า "เดี๋ยวนี้"  แค่นั้นแหละ ทุกอย่างจะเป็นปัจจุบันและดำเนินต่อไปในทันที

   และคำว่า "เดี๋ยว" คำสุดท้ายที่ไม่ควรไปยุ่งกับมันในการตั้งใจทำอะำไรสักอย่าง ก็คือคำว่า "เดี๋ยวเดียว"

   ดังนั้นต้องเลือกใช้คำว่า "เดี๋ยว" กันเอาเอง

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

ไม่มี

คืนวันศุกร์นี้ เป็นคืนวันศุกร์ที่ไม่ปกติของผม เพราะในส่วนใหญ่ของค่ำคืนวันศุกร์จะเป็นวันที่ผมออกไปพักสมองที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน

แต่คืนนี้...ผมกลับอยู่ที่บ้าน นั่งอยู่หน้าคอม เพื่อเคลียร์งานที่คั่งค้างอยู่  พร้อมสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน  วันนี้ผมรู้สึกท้อแท้ใจมาก กับหน้าที่การงาน  ผมได้แต่อดทนต่อความท้อแท้ อดทนต่อปัญหาที่ถาโถม ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องคน ฯ

จะว่าไปคืนนี้ก็เป็นคืนที่บรรยากาศดี ถ้าได้ล้มตัวลงนอน  ปิดสายตา ปิดสมอง แต่ผมยังไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ผมยังคงต้องสะสางอะไรต่อมิอะไรทั้งหลายทั้งปวง  ยังคงนั่งอยู่หน้าคอม ทั้งที่สมอง สายตา และจิตใจ อ่อนล้าเต็มทีกับการงาน

เลยคิดว่าลองพักสมองลง มาทำสิ่งที่อยากจะทำสักครู่จะดีกว่า

ผมเลือกที่จะมาเขียนบทความลงบล๊อก...

คงทำได้แต่เขียนระบายใส่บล๊อกของตัวเอง  เพื่อปลดปล่อยความอัดอั้นให้มัน ออกมาข้างนอกบ้าง

วันนี้ผมอาจจะเขียนบทความนี้อย่างไม่มีจุดหมาย อาจเพราะสมองผม ที่ไม่อยากจะเรียบเรียง วิเคราะห์สิ่งใดๆแล้วทั้งสิ้น

ที่ผมเขียนมันออกมาได้ เพราะใช้ความรู้สึกลึกๆ ที่รักในการเขียน และอยากจะถ่ายทอดบางสิ่งออกมาล้วนๆ

แม้ทุกๆครั้ง ผมมักจะเป็นคนชอบตรวจทานข้อความอย่างละเอียด แต่วันนี้...ไม่!!

บางครั้ง บางสิ่ง บางอย่าง มันก็ดี หากไม่ได้ถูกการปรับแต่งใดๆทั้งสิ้น ดังเช่นดนตรีเหมือนกัน ซึ่งเพลงบางเพลง ถ้าลองได้ทำและบันทึกมันออกมาแบบสดๆ ไม่ได้ปรับแต่งเสียงใดๆ ก็สร้างเอกลักษณ์บางอย่างได้เหมือนกัน

ขณะที่ผมเขียนบทความนี้อยู่นั้น เสียงสายฝนที่เคยดังอยู่ก่อนหน้านี้ เสียงฟ้าที่ร้องโครมคราม กลับเงียบสงบลง มันทำให้ผมนึงถึงเพลง "ฤดูที่แตกต่าง" ของพี่บอย โกสิยพงษ์ ขึ้นมาทันที เพลงนี้เป็นเพลงปลอบใจของใครหลายๆคน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ได้ฟังหรือนึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาทีไร รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาส่วนหนึ่งทุกทีไป

ผมอยากสารภาพว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะจบแบบว่า ดึงเพลง "ฤดูที่แตกต่าง" มาเกี่ยวเลยแม้แต่น้อย

บทความนี้เป็นบทความที่ผมตั้งใจให้มันเป็นธรรมชาติที่สุด ผมไม่ได้วางขั้นตอน วางคอนเซ็ปใดๆ ก่อนจะเขียนเลย ผมเขียนมันไปเรื่อยๆ ตามแต่อารมณ์และสิ่งแวดล้อมจะเป็นตัวกำหนด

แต่สุดท้ายมันก็ยังวนกลับไปที่แก่นสารหรือจุดสำคัญของบล๊อกนี้จนได้ นั่นคือ เพลงของ
พี่ บอย โกสิยพงษ์ ที่อยู่ในดวงใจของผมตลอดมา

ยังไงต้องขอขอบคุณสายฝน ที่ทำให้ผมจบบทความนี้ได้อย่างสวยงาม ทั้งที่ตอนเขียนอยู่นี้ คิดว่าบทความนี้จะต้องไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่บอยแน่ๆ ไม่เชื่อลองดูหัวข้อบทความนี้ดูสิ ผมตั้งว่า "ไม่มี" เพราะผมไม่อยากจะคิดวางแผนอะไรมากมายอีกแล้ว อยากจะแค่มาระบายความรู้สึกของตัวเองที่เหนื่อยล้า ท้อแท้ ก็เท่านั้น คิดว่าคงไม่มีหัวข้อบทความอะไรที่น่าสนใจ ที่ผมพอจะนึกและตั้งใจเขียนมันออกมาได้ในขณะนี้...

บทความนี้สอนตัวผมเองให้รู้ว่า "บางครั้งการไร้จุดหมาย กลับสร้างจุดหมายให้เราได้"

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

เพลงพี่บอย โกสิยพงษ์ ที่ผมมองข้ามไป

รู้สึกว่าผมจะไม่ได้อัพเดทบล๊อกนี้มานาน หลายวันมาก เนื่องจาก คอมพิวเตอร์ที่อพาร์ทเม้นท์ที่เช่าอยู่ ดันเสียซะนี่ หลังเลิกงานกลับห้องไปก็ได้แต่นั่งดูละครน้ำเน่าไปวันๆ (ดีนะ เรื่องวนิดา แอ๊บ ทศอร เป็นนางเอก น่ารักมาก) ทนไปจนถึงวันศุกร์ก็ได้ทีกลับมานอนบ้าน มาหาพ่อแม่บ้าง กลับมาเล่นคอมที่บ้านตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ดันหลับซะงั้น ไม่ทันได้เขียนบล๊อกเ้ลย พอมาวันนี้ ณ เวลา ตี 3 กับ 19 นาที ผมเพิ่งกลับมาจากการไปร่วมกิจกรรมต่างๆนาๆ ของชาวแก๊งค์ Mazda2 Lover Club ซึ่งเป็นพวกขับรถมาสด้า 2 และรักในมาสด้า2 นั่นละครับ แต่ผมเอง ไม่ได้ขับหรอก แต่ดันไปสนิทกับพี่คนก่อตั้งclub mazda2lover และได้ช่วยงานด้านเว็บไซต์เค้าหลายอย่าง เลยได้ไปเที่ยวและทำกิจกรรมร่วมกับคลับนี้อยู่บ่อยๆ

วันนี้เริ่มด้วยกิจกรรมซ้อนดนตรีภายในคลับ ผมได้รับเกียร์ติเป็นนักร้องนำซะด้วย เสียดาย ไม่ได้เล่นเพลงของพี่บอยเลย ไว้งวดต่อไปจะลองเสนอให้เล่นกันสักเพลง  พวกเราก็ร้องๆเล่นๆกันไปแบบขำๆ กระท่อนกระแท่นหน่อย แต่ก็พอฟังได้ ยังไงซะก็มีนักร้องนำของวง ที่หน้าตาดีมาก เสียงดีสุดๆ เท่ห์บรรลัย (ผมเอง) ในห้องซ้อมก็มีคนในคลับและเพื่อนๆของคนในคลับอีกที มาร่วมอดทนฟังอยู่ด้่วย มารู้ทีหลังว่ามีพี่คนนึงที่มาอดทนฟัง เค้าเป็นนักร้องอยู่เหมือนกัน แถมเคยประกวด KPN มาหลายปีมาก ได้เข้ารอบลึกๆอยู่ด้วย

หลังจากซ้อมเสร็จแล้ว ก็ไปนั่งกินอาหารอีสานกัน ส้มตำ ไก่ย่าง ลาป น้ำตก ปลาร้า ข้าวเหนียว ฯ ร้านชื่อ ตำตำ แถวลาดพร้าว ซึ่งอยู่ข้างๆกับห้องซ้อมนั่นละ กินกันแซ่บๆ ขี้มูลไหล จิบเบียร์ไปพลางๆ

หลังจากอิ่มหนำกันแล้ว แต่ด้วยความที่สาวๆใน mazda2lover สงสัยจะอารมณ์ค้าง เลยนัดกันไปร้องคาราโอเกะ ที่ร้าน Big Echo แถวๆอโศก จึงพากันขับรถไป กว่าจะถึงก็ปาไป 5 ทุ่มกว่าๆแล้ว นั่งร้องกันประมาณ 8-9 คน และพี่สาวขาวหมวยน่ารัก ที่ว่าเคยประกวด KPN ก็ไปร้องด้วย แหม!! ร้องเพราะจริงๆด้วย เสียงนิ่งมากๆ ร้องซะผมอายไปเลย แล้วอยู่ดีๆ พี่คนนั้นเค้าก็ถามผมว่า "รู้จักเพลง เก็บดาว ของ บอย โกสิยพงษ์ ไหม เรามาร้องคู่กันนะ" ผมงี้อึ้งเลย ไรว้า ชอบพี่บอยซะมากมาย ชอบเพลงพี่บอยทุกเพลง แต่ดัน มองข้ามเพลง เก็บดาว ไปซะได้ ซึ่งเพลงนี้ เป็นเพลงที่ผมฟังแค่ผ่านๆมาตลอด ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เลยรองได้แค่ท่อนฮุกนิดหน่อย คิดแล้วมันเจ็บใจตัวเองหลายเด้ง ทั้งเด้งแรกคือ อดร้องคู่กับพี่สาวขาวหมวย ดีกรีเคยเข้ารอบ KPN  อีกเด้งก็คือ เจ็บใจตัวเอง โม้ใครต่อใครว่าชอบเพลงพี่บอยมาก ชอบเพลงพี่บอยทุกเพลง ยังงั้นยังงี้ แต่ดันร้องเพลงนี้แบบเต็มๆไม่้ได้ มันอัดอั้นอยู่ในอกและเจ็บที่ต้องบอกพี่สาวขาวหมวยไปว่า "เคยฟังคับ แต่ผมร้องไม่ได้อะครับพี่"

เศร้าๆๆๆๆ แถมเจ็บใจ ละอายใจ ก็เลย นั่งกดๆๆ เลือกเพลงของพี่บอย โกสิยพงษ์ดู แล้วได้ไปเจอเพลงโปรดอีกเพลง ชื่อเพลง "ช่วงชีวิต" ที่พี่โป้ โยคีเพลบอย ร้องเอาไว้ เลยจัดการโชว์ด้วยเพลงนี้ซะ ฮ่าๆๆ ผมร้องเพราะมากๆ (ไม่มีคนชม ขอชมตัวเองละกัน) แล้วคนอื่นๆก็ร้องๆๆๆกันไปอีกหลายเพลงจนตี 1 ร้านก็ปิด เราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ขากลับ ผมขับหลงทางซะงั้น ดีไม่ไปออกสุพรรณบุรี

ที่จะเล่าก็มีแค่นี้ละครับ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เพลง เก็บดาว นี่แหละ ทำผมเสียความรู้สึกกับตัวเองมากๆ ที่ดัน ร้องเต็มๆเพลงไม่ได้ เพราะดันมองข้ามเพลงนี้มาตลอด แทบไม่เคยจะเปิดฟังเลย วันนี้เลยกลับมาเปิดฟังซะ 20 กว่ารอบซะเลย  อ่ะๆไหนๆก็พูดถึงเพลง เก็บดาว ของพี่ บอย โกสิยพงษ์ แล้ว งั้นขอเอาเนื้อเพลงมาลงไว้ซะหน่อยละกันครับ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

เนื้อเพลง เก็บดาว
ผู้แต่ง บอย โกสิยพงษ์

อยู่...ท่ามกลางตะวันทาบทอขอบฟ้า ดวงอาทิตย์ร้อนแรงส่องแสงมา
จวบจนตะวันนั้นลับจากสายตา เมื่อถึงเวลาฟ้าจึงเปลี่ยน
เปลี่ยนเป็นกลางคืนที่มีหมู่ดาว คืนที่ฟ้างดงามด้วยแสงพราว
ส่องเป็นประกายระยับวับวาว อยากคว้าดาวมาอยู่ใกล้มือ

จะลองเอื้อมไปสุดฟ้า และคิดจะไปเสาะหา
มีดาวเท่าไหร่ที่รอให้เราไขว่คว้า

เก็บดาวบนท้องฟ้า แล้วแทนรักมาให้กัน ให้เธอเป็นของขวัญ
แทนด้วยสื่อสายใจ อยากให้รักเราเหมือนฟ้า
ที่เต็มไปด้วยดาวสดใส ตลอดกาล

อาจจะมีบางครั้งที่เราห่างไกล แต่เรามีฟ้าและดาวผูกหัวใจ
เก็บเป็นพลังให้เราฝันใฝ่ อยากคว้าดาวมาอยู่ใกล้มือ

จะลองเอื้อมไปสุดฟ้า และคิดจะไปเสาะหา
มีดาวเท่าไหร่ที่รอให้เราไขว่คว้า

โปรดจับมือฉันไว้แล้วล่องลอยไป ไปตามแสงดาวที่ส่อง
ให้สองเราก้าวเดิน เปี่ยมด้วยรักและพลังที่เกิด จะรักกันชั่วดินฟ้า

เก็บดาวบนท้องฟ้า แล้วแทนรักมาให้กัน ให้เธอเป็นของขวัญ
แทนด้วยสื่อสายใจ อยากให้รักเราเหมือนฟ้า
ที่เต็มไปด้วยดาวสดใส จะรัก รักเธอตลอดไป...

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

5 กันยา วันเกิด พี่บอย โกสิยพงษ์

วันนี้เป็นวันที่ 5 กันยายน 2553 เป็นวันคล้ายวันเกิด ของพี่ บอย โกสิยพงษ์ บุคคลสำคัญแห่้งวงการเพลงคนหนึ่ง วันนี้ถ้าผมดูข้อมูลไม่ผิดพลาด พี่บอยน่าจะอายุครบ 43 ปี ยังไง ก็ขอสุขสันต์วันเกิดพี่บอย นะครับ
ขอให้มีความสุขมากๆ และขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย ช่วยดลบันดาลให้พี่บอย จงมีแต่ความเจริญก้าวหน้า ไร้โศก ไร้โรค ไร้ภัย มีสุขภาพกาย สุขภาพจิต ที่ดี (อันนี้อวยพรแบบชาวพุทธ) ต่อไปขออวยพรแบบ คริสเตียน หน่อยแล้วกันครับ แม้ผมจะไม่ใช่คริสเตียนก็ตาม แต่ก็จำเค้ามาพูดนิดนึง ก็ขอให้พระเจ้าทรงคุ้มครองพี่บอยครับ ขอให้พลังอันยิ่งใหญ่สถิตแก่พี่บอยนะครับ

ผมเองก็คงไม่มีอะไรจะให้พี่บอยหรอกครับ นอกจากคำอวยพร และความรู้สึกชื่นชอบ อีกอย่างผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า พี่บอยจะมีโอกาสได้เห็นคำอวยพรของผมไหม แต่ไม่เป็นไร ผมได้ทำก็สุขใจแล้ว หรือถ้ามีโอกาสให้ของขวัญพี่บอยจริงๆ ผมอยากจะซื้อเค้กกล้วยหอมพร้อมกับจุดเทียน 1 เล่มครับ ให้พี่บอยขอพรแล้วเป่าให้ดับ (เทียนพรรษานะครับ) อิอิ

ล่่าสุดได้ข่าวว่าพี่บอยบ่นในเฟซบุค ว่าไม่ค่อยสบาย ขยับได้แต่นิ้วเลยมาบ่นผ่านเฟซบุค ยังไงก็ขอให้หายป่วยเร็วๆครับ บอกแล้วว่าอย่าหักโหมนะพี่...

สุดท้ายนี้ผมคิดไม่ออกว่าจะมอบเพลงอะไรให้พี่บอยในวันเกิด คิดมาทั้งวันแล้ว เลือกไม่ถูกจริงๆครับ
ตอนแรกว่าจะเอาเพลง ก่อนตาย บิ๊กแอส ก็กระไรอยู่ เพลง วันเกิด พี่โป้ โยคี เพลบอย ก็ไม่ค่อยเข้า สุดท้ายขอเลือกเพลงของพี่บอยเอง มอบให้กับพี่บอยละกันนะครับ แม้จะไม่ใช่เพลงอวยพรวันเกิดก็เถอะ แต่ผมชอบเพลงนี้มากครับ แบบว่า แอบชอบพี่บอยมานานแล้วด้วยครับ ชอบจริงๆนะครับ อยากได้พี่บอยเป็นแฟน 555+ ล้อเล่นครับ ชอบผลงานเพลงครับ ผมแมนเต็มร้อย ถึงขนาดเป็นยอดชายเลยแหละ ฮ่าๆๆ

เพลง : ผมแอบชอบคุณอยู่
อัลบั้ม : Millions Ways to Love Part 1

ผมขอเวลาบอกความจริงที่ผมซ่อนไว้ข้างใน
ขอให้คุณฟังจนจบเพลงได้หรือไม่
และหากฟังจบแล้ว และก็มีแต่คุณที่ชอบผมอยู่
เป็นสิ่งเดียวในโลกที่อยากจะให้คุณรู้
ตั้งแต่พบกัน ไม่ต้องกังวล และอย่าเพิ่งสับสน
กับสิ่งที่ผมพูดออกไป ผมขอเวลา
ช่วยฟังจนจบเพลงได้หรือไม่
คือผมแอบชอบคุณอยู่
และก็มีแต่คุณที่ผมชอบอยู่
เป็นสิ่งเดียวในโลกที่อยาก
จะให้คุณรู้ ตั้งแต่พบกัน ผมชอบคุณอยู่
และก็มีแต่คุณที่ทำให้ผมไหวหวั่น
ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น นอกจากชอบคุณ
และผมจะไม่ขอ และผมจะไม่ถาม
จะไม่ทำให้คุณวุ่นวาย
และขอสัญญาว่าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย



จุฟๆ คับพี่บอย 55555+ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

"คืนนี้" บอย โกสิยพงษ์

คืนนี้ผมนั้งอยู่คนเดียว เช่นเคย หลังเลิกงาน ผมกลับมาที่อพาร์ทเม้นที่เช่าอยู่ ผมเป็นคนชอบความมืดยามค่ำคืน แต่ก็แปลก แม้จะชอบความมืดยามค่ำคืนก็จริง แต่ผมก็ยังรู้สึกเหงาทุกครั้ง เมื่ออยู่คนเดียวยามค่ำคืน ผมเป็นคนชอบแสงไฟสลัวๆ ซึ่งมัันก็ยิ่้งสร้างความเหงาให้เพิ่มขึ้น

คืนนี้ผมออกไปนั่งนอกระเบียง ห้องผมอยู่ชั้น5 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอพาร์ทเม้น ขณะที่กำลังมีสายฝนโปรยปรายบางๆ พร้อมกับแสงฟ้าแลบเป็นระยะ เสียงฟ้าร้องที่ตามมา ผมมองออกไปเห็นสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมที่มีแสงไฟสีส้มเป็นระยิบๆ เห็นสวนต้นไม้และดงป่าเล็กๆด้านล่างห้อง เห็นทางด่วนที่มีรถวิ่งฝ่าสายฝนผ่านไปมาอย่างบางตา ผมเปิดเพลงฟังไปด้วย ซึ่งเป็นการตั้งแบบ Random เมื่อได้อยู่กับความมืดเวลาค่ำคืน ทำให้ผมมีทั้งความสุข และความเศร้า ปะปนกันไป แต่ผมชอบความรู้สึกแบบนี้จัง

ในคืนนี้เพลงๆหนึ่งก็ได้ดังขึ้นมา เพียงเสียง intro ก็ทำให้ผมรู้สึก...วาบๆภายในจิตใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งตั้งใจฟังและพยายามแปลความหมายของเพลงๆนี้ทุกๆถ้อยคำและทำนอง แม้แต่ก่อนจะเคยฟังแล้วไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แต่วันนี้กลับรู้สึก... บางอย่างที่มันอธิบายออกมาไม่ถูก แต่รู้สึกได้ว่า เพลงนี้เข้าถึงอารมณ์ของผมมากจริงๆในคืนนี้

ผมกลับมากดฟังซ้ำ ครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับเขียนบทความนี้ไปด้วย ผมเพิ่งได้เข้าใจว่า เพลงๆเดียวกัน ในค่ำคืนและอารณ์ที่ต่างกัน ก็ทำให้คุณค่าและความไพเราะของมัน แตกต่างกันไปด้วย

สุดท้ายนี้ผมรู้แต่เพียงว่า...คืนนี้มันไม่ยอมผ่าน คืนนี้มันช่างโหดร้าย  ทุกๆนาที ที่ผ่านพ้นไป มันช้ามันนานและมันโหดร้ายทำลายจิตใจฉัน...

..................................................................................................................................

เพลง...คืนนี้ Slowly
ผู้แต่ง...บอย โกสิยพงษ์


ถ้าใครไม่เคยรู้สึกถึงความเจ็บปวดของค่ำคืนที่ยาวนาน วันนี้ผมจะเล่าให้ฟัง(คำพูด)

จะทำยังไง ในคืนอันร้าวราว
มันทรมานอยู่กับภาพเธอคนนั้น
จะข่มใจไม่คิดมัน คงไม่มีวันจะห้ามใจ

ความรู้สึกดีๆกับคนที่เคยรักและเคยเชื่อถือมาตลอด(คำพูด)

จะทำยังไงเมื่อคนเคยรักกัน
เคยมีคืนวันที่เปี่ยมด้วยความหมาย

*จู่ๆเธอก็หายไป เหลือไว้แค่เพียงภาพฝังใจ

**คืนนี้มันไม่ยอมผ่าน คืนนี้มันช่างโหดร้าย
ทุกๆนาที ที่ผ่านพ้นไป มันช้ามันนานและมันโหดร้ายทำลายจิตใจฉัน..

(*)

และคืนนั้นผมจำได้ว่า เวลาได้ผ่านไปช้ามาก(คำพูด)

(**,**)

ผ่านจากคืนนั้น ทุกๆอย่างก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมคงจะต้องจำตลอดไปก็คือ
เธอคนนั้นที่ช่วยให้ผมได้รู้ คืนที่ยาวนานที่สุดในชีวิตเป็นยังไง และผมจะไม่ลืม
คืนๆนั้น ตลอดไป..(คำพูด)